ขยายความสิ่งที่ผมพูดในงาน Meeting ครั้งที่ 6 ของ กลุ่ม E-commerce เชียงใหม่
เสียดายที่สถานที่จัดงานไม่มีจอมอนิเตอร์ เลยถือโอกาสย่อยออกมาเป็นบทความพร้อมรูปภาพประกอบให้ได้ลองติดตามกันครับ
งานนี้มีเพื่อนๆ หลายท่านร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำธุรกิจ e-commerce
- น้องอ้อ แชร์ประสบการณ์ทำการตลาดผ่าน Facebook ads การจัดการกับลูกค้าไทย และคำถามแปลกๆ จากคุณลูกค้า
- พี่ทอม เล่าประสบการณ์จากการขายสินค้าบน etsy โอกาสของสินค้า handmade ไทย
หัวข้อที่ผมพูดนั้นนำมาจากคำถามที่ได้จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ทางอีเมล์ และหลายๆ ท่านทางโทรศัพท์ นั่นก็คือ “ขายสินค้าอะไรดี“
สำหรับคนที่่เริ่มต้นขายของออนไลน์ ผมคิดว่ามี 2 คำถามหลักๆ คือ
- ขายอะไรดี ?
- ขายยังไงดี ?
ในบทความนี้เราจะโฟกัสกันที่คำถามแรก นั่นคือ “ขายอะไรดี”
Table of Contents
เริ่มต้นขายของออนไลน์ ขายอะไรดี ?
คำถามนี้ผมคิดว่าเกิดขึ้นในใจของคนที่เริ่มต้นแบบว่างเปล่าจริงๆ และพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า
อยากสร้างรายได้เสริม อยากเริ่มต้นสร้างธุรกิจ อยากออกจากงานประจำ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นขายอะไรดี
…คนนั้นก็บอกของใน 7/11 ซิ
…คนนี้ก็บอกของในจตุจักรไง
จริงๆ คำถามนี้เรียกว่าเป็นคำถามโลกแตกเลยก็ว่าได้ ทุกคำตอบดูเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้
แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกให้คุณเริ่มต้นจากสินค้าที่ใกล้ๆ ตัว จากสิ่งที่ชอบและสนใจ
ผมเชื่อว่าสินค้าที่จะนำมาขายนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่คุณรัก
ขอเพียงแค่คุณสามารถเรียนรู้และอยู่กับมันได้บ้าง ไม่เบื่อหน้ากันไปก่อนก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ถึงตรงนี้หลายคนก็คงจะมีคำถามในใจต่อ
“แล้วไงต่อหล่ะ แล้วจะรู้ได้ไงว่าขายอะไรดี“
วิธีการง่ายๆ ในการสังเกตตัวเอง ก็คือ เวลาที่คุณเดินห้างคนเดียวคุณมักจะใช้เวลากับแผนกไหนมากที่สุด
หรือ ลองเปิดเว็บ eBay, Amazon แล้วเลือกสักหมวดหมู่ที่คุณสามารถเลือกดูสินค้าบนนั้นได้แบบเรื่อยๆ
เมื่อเจอหมวดหมู่ที่เข้าทางแล้ว ลองเปิดดูสินค้าขายดีในหมวดหมู่นั้นไปเรื่อยๆ
ถ้ารู้ Keyword หลักๆ ของสินค้านั้นก็ยิ่งดี (จดไว้ทดสอบในขั้นตอนต่อไป)
ลองดู trend ของสินค้าที่หมายตาไว้ด้วยก็ดีนะครับ
อีกวิธีคือดูสินค้าจากสิ่งที่ใกล้ตัว เช่น สินค้าของบริษัทที่ทำงานอยู่
มีเคสตัวอย่างที่เพื่อนท่านนึงในกลุ่ม Amazon Commerce ตั้งต้นขายของกับ amazon ด้วยสินค้าของบริษัทที่เขาทำงานประจำอยู่
ของใกล้ตัวแบบนี้ทำให้เขารู้จักมันเป็นอย่างดี ทั้งขนาด น้ำหนัก จะเอามาถ่ายรูปก็ง่าย
สิ่งที่อยู่ใกล้ๆ ตัวคุณนี่หล่ะ บางครั้งมันใกล้มากจนเรามองข้ามไป
เมื่อได้สินค้าในใจแล้วขอให้จดไว้หน่อยกันลืม
ขั้นตอนต่อไปเรามาดูกันว่าสินค้าชิ้นนี้มีโอก่าสขายได้รึเปล่า (Evaluate Market)
จับสัญญาณบวก จากสินค้าใกล้ๆ ตัว
สำหรับการทดสอบนี้ทำจากเว็บ e-commerce หลักๆ ได้แก่ eBay, Amazon และ etsy
จับสัญญานบวก ผ่าน Completed list บน eBay
วิธีการก็แค่นำ Keyword หลักๆ ของสินค้า หรือคำค้นที่เราสนใจมาทำการค้นหา แล้วเลือกดูลิสสินค้าที่ขายได้จากคำค้นดังกล่าว
- Completed listings (ลิสสินค้าที่จบไปแล้ว ทั้งขายได้และขายไม่ได้)
- Sold listings (เฉพาะลิสสินค้าที่จบแบบขายได้)
จากนั้นเลือกไปที่หมวดหมู่ที่คุณสนใจ
จับสัญญานบวก บน Etsy
ETSY เว็บที่เหมาะกับงานฝืมือ (handmade) ทั้งขายปลีกและขายส่ง (wholesale)
จุดเด่นที่ความเป็นชุมชน ผู้ซื้อและผู้ขายเข้ามาแลกเปลี่ยนผลงาน พูดคุยและติชมผลงานกัน
คุณสามารถประเมินสินค้าที่ต้องการจะขายได้จากเมนูด้านซ้ายมือ
เราสามารถเลือกดูร้านที่ขายสินค้าในแนวทางเดียวกับสินค้าที่เรามี หรือสามารถนำมาขาย/ผลิตได้
p.s. Sales คือ จำนวนสินค้าที่ร้านนี้ขายได้ (ชิ้น), Admire เข้าใจง่ายๆ ก็คือจำนวน like จากลูกค้าที่ชื่นชอบสินค้าในร้านนั่นเอง
p.s.s คลิกดูคลิปสัมนา เริ่มต้นขายสินค้ากับ Etsy โดยพี่ทอมและผม
จับสัญญานบวก จาก Amazon ด้วย Seller rank
เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเข้าไปดู 100 สินค้าขายดีแยกตามหมวดหมู่ของ amazon กันแล้ว
ในส่วนนี้นอกจากจะดูสินค้าขายดีเรียกตามลำดับแยกตามหมวดหมู่ได้แล้ว ยังสามารถเลือกดูสินค้าใหม่ สินค้าที่มีการเคลื่อนไหว ไปจนถึงสินค้าที่คนอยากได้เป็นของขวัญ ได้ด้วย
สินค้าที่อยู่นอกเหนือจาก 100 อันดับแรก เราก็สามารถดู Seller rank ได้ในลิสสินค้าจากส่วนของ Product Details
โดยที่ Seller rank จะมีการอัพเดตอยู่ตลอดเวลา แยกตามหมวดหมู่
“สินค้าขายดี ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย”
คำพูดนี้อาจจะไม่จริง 100%
ผมเชื่อว่าโชคและความพยายามในการค้นหาจะช่วยให้คุณพบสินค้าชิ้นนั้นได้
แต่สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ การลงมือทำ การลงสนามจริง
สินค้าที่คนอื่นขายได้ ไม่ได้การันตีหรือหมายความว่าเราจะขายได้เสมอไป
เช่นเดียวกัน สินค้าที่คนอื่นขายไม่ได้ แต่คุณอาจเป็นผู้พิชิตและมองเห็น “จุดขาย” ของสิ่งนั้นก็เป็นได้
- หาสินค้าที่ชอบและใช่
- ดูความต้องการจริงในตลาด
- ตัดสินใจว่าจะ “ขายแบบไหน” (ขอยกไว้โพสต่อไป)
🙂
Leave a Reply