การสมัคร Payoneer : ไม่ได้อยู่ไทย แต่อยากขายของใน Amazon

จากคำถามของผู้อ่านท่านหนึ่งเกี่ยวกับ การสมัครเริ่มต้นขายของ Amazon ในต่างประเทศว่าจะรับเงินยังไง ใช้เครื่องมืออะไรช่วย ใครที่อยู่ต่างประเทศ หรือกำลังเล็งที่จะสมัครขายของใน Amazon ประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากใน US ห้ามพลาดบทความนี้ครับ

สมัคร Payoneer

วิธีการสมัครขายของใน Amazon การลิสสินค้าและอื่นๆ อ่านได้ฟรีจาก eBook คู่มือสอนขายของในอเมซอน นะครับ บทความนี้เราจะว่ากันเน้นๆ เรื่องการ “รับเงิน“ แต่ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่าการสมัครขายของในอเมซอน เราจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ 2 ส่วนหลัก คือ

1. จ่ายเงิน เป็นส่วนที่อเมซอนใช้หักเงินค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยเราสามารถใช้บัตรเครดิตของที่ไหนก็ได้ ถ้าไม่มีก็สามารถใช้ K-web shopping ของธนาคารกสิกร ได้เช่นกัน (อาจมีปัญหาในการตัดเงินบ้าง)

2. รับเงิน สำหรับคนไทย ส่วนมากเราใช้วิธีให้อเมซอนโอนเงินไปที่ ธนาคารกรุงเทพสาขานิวยอร์ค [Routing number 026008691] แล้วทางแบงค์จะส่งต่อเข้าบัญชีไทยให้เรา

ธนาคารกรุงเทพ สาขานิวยอร์ค จะเป็นตัวกลางในการรับเงินให้เรา

กลับมาตอบคำถามจากทางบ้าน สำหรับคนที่ต้องการขายของในอเมซอน แต่ตัวอยู่ต่างประเทศ จะมีวิธีรับเงินได้อย่างไรบ้าง ผมสรุปให้ 3 แนวทาง ที่เราสามารถใช้จัดการเรื่องนี้ได้ครับ

1. สมัคร amazon.com ปกติใช้ข้อมูลการรับเงินเป็นธนาคารกรุงเทพนิวยอร์ค แล้วให้ทางนั้นโอนเข้าบัญชีไทย ทำเหมือนปกติทุกอย่าง แล้วค่อยคิดว่าจะโอนเงินจากไทยไปที่เกาหลียังไง วิธีการมีหลากหลาย เช่น ให้ญาติช่วยโอน หรือทำ internet baking

2. สมัคร amazon.com ปกติ แล้วหาข้อมูลว่ามีธนาคารเกาหลีที่มีสาขาในอเมริกามั้ย เช่น (สมมุติว่ามี) ธนาคาร seoul เราก็แค่ติดต่อสอบถามเข้าไปว่า ธนาคาร seoul มีสาขาที่อเมริการึเปล่า ? routing number อะไร ? เมื่อได้ rounting number คุณก็แค่เอามาเชื่อมต่อกับธนาคาร seoul ที่เป็นบัญชีเกาหลีของเรา แค่นี้ก็เป็นการับเงินได้แล้วครับ

3. **ง่ายสุด** สมัคร amazon.com ปกติ แล้วใช้ตัวแทนรับเงินคือ Payoneer

หลักการง่ายๆ ก็คือ ให้ Amazon โอนเงินมาที่ Payoneer แล้วเราก็ให้ Payoneer ส่งต่อมาที่บัญชีของเรา

รายชื่อประเทศที่ Amazon Seller สามารถรับเงินผ่าน Payoneer ได้

eBay มี Paypal
Amazon ก็มี Payoneer เป็นตัวกลางในการรับจ่ายเงิน

---

ขั้นตอนการสมัครใช้บริการ Payoneer

1. คลิกที่นี่เพื่อสมัคร
2. กรอกข้อมูลพื้นฐานลงไป จนถึงหน้าสุดท้ายที่ให้เราระบุรายละเอียดธนาคารที่เราต้องการใช้รับเงิน

3. เรียบร้อย จากนี้ก็รอให้ทาง Payoneer ตรวจสอบ ประมาณ 1-2 วันทำการ

4. ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ทาง Payoneer ก็จะส่งอีเมลแบบนี้มา เพื่อยืนยันว่าเราได้สมัครเรียบร้อยและพร้อมใช้งานได้

ข้อดีอีกอย่างของการสมัครใช้บริการ Payoneer ก็คือ เราสามารถใช้รับเงินได้จากหลายๆ บัญชี ในแต่ละประเทศที่อเมซอนให้ขาย ตอนนี้ Payoneer รองรับ Amazon ทั้งหมด 6 ประเทศ (ข้อมูลวันที่ 9 ตุลา 2016)

Amazon.com (United States)
Amazon.co.uk (United Kingdom)
Amazon.fr (France)
Amazon.de (Germany)
Amazon.it (Italy)
Amazon.es (Spain)

ค่าธรรมเนียม Payoneer

ค่าธรรมเนียม (fee) ที่เราต้องจ่ายให้กับ Payoneer จะแบ่งเป็นสองส่วน

คือ ตอนรับ (receive) และ ตอนถอน (withdraw) รายละเอียดตามตารางนี้ครับ

ผมยังไม่ได้คำนวณเทียบกันระหว่าง Payoneer กับค่าธรรมเนียมจากฝั่งแบงค์กรุงเทพ แต่สำหรับคนที่อยู่ต่างประเทศ ทางเลือกนี้น่าจะคุ้มค่าและสะดวกที่สุดครับ

การเชื่อมต่อ Payoneer กับ account Amazon seller

การเชื่อมต่อระหว่าง Payoneer กับ Amazon ก็ทำได้ง่ายมากๆ คือ เอาข้อมูลธนาคารจาก Payoneer ไปใส่ในฝั่งอเมซอนเท่านั้นเอง ลุยกันเลย !!!

1. เมื่อคุณสมัคร Payoneer เรียบร้อยแล้ว ให้ไปที่เมนู Receive > GLOBAL PAYMENT SERVICE
2. ในหน้า GLOBAL PAYMENT SERVICE เราก็แค่เอาข้อมูล 3 อัน ได้แก่ Bank Name, Routing (ABA), Account Number

3. นำข้อมูล 3 อันจาก Payoneer มาใส่ในส่วนของ Deposit บน Amazon (ไปที่เมนู Setting > Account info ตรงส่วน Payment Information ให้คลิกที่ Deposit Methods)

เมื่อเข้ามาในส่วน Deposit Method ให้คลิกที่ปุ่ม edit เพื่อเข้าสู่หมวดแก้ไข ก็ให้คลิก edit อีกครั้ง (ตามรูป)

แต่เดิมผมใช้ธนาคารกรุงเทพรับเงินอยู่ เมื่อต้องการเปลี่ยนไปใช้ Payoneer ก็แค่เลือกที่ Use a new bank account แล้วคลิก Submit

…ขั้นตอนสุดท้ายของการเชื่อมต่อ เราก็แค่เอาข้อมูล Routing (ABA), Account Number มาใส่ (ตรงนี้ให้ระวังเรื่องตัวสะกดชื่อคนรับเงิน Account Holder Name ต้องแป๊ะกับฝั่ง Payoneer นะครับ)

ตรวจเช็คให้เรียบร้อย แล้วคลิก Submit ก็เป็นอันเสร็จพิธี จากนี้เมื่อถึงเวลา amazon ตัดยอด เงินก็จะโอนมาที่บัญชี Payoneer ของเราครับ

เพื่มเติมอ่าน วิธีการเชื่อมต่อ Amazon กับ Payoneer ได้จาก help ของอเมซอน

ใครเคยมีประสบการณ์ หรือได้ลองเปรียบเทียบระหว่าง Payoneer กับเรตธนาคารแล้ว แชร์ไอเดียและความคิดเห็นของคุณในช่องคอมเม้นด้านล่างได้เลยครับ 😉