การสมัครขายของใน Amazon เปลี่ยนแปลงจาก 4 ปีก่อน ตอนที่ผมเริ่มต้นมาก เรียกได้ว่าแทบจะเหน้ามือหลังมือกันเลยทีเดียว
ในบทความนี้ ก่อนที่จะโดดลงสนาม เรามาเตรียมตัว เตรียมเอกสารให้พร้อมกันก่อนดีกว่าครับ
Table of Contents
ผู้ขายบน Amazon มีกี่แบบกันแน่ ?
ผมชอบเปรียบ Amazon เป็นเหมือนตลาดนัดหน้าหมู่บ้านตอนเย็นๆ มันเห็นภาพการขายสินค้าบน marketplace ดี
สำหรับการสมัครเป็นผู้ขายบน Amazon นั้น ทำได้สองรูปแบบครับ
Individual seller
เปรียบก็เหมือนพ่อค้าแม่ค้าที่มาเช่าแผงขาย แบบรายวัน ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือน (39.99usd ต่อเดือน) เสียเฉพาะค่าธรรมเนียม (referral fee) เมื่อขายได้
แต่ก็นะ แม่ค้ามาเช่าแผงรายวัน วันไหนโชคดีก็อาจได้ทำเลดีหน่อย บางวันแย่ๆ ก็ได้ไปขายในที่ที่ไม่มีลูกค้าเดินไปเลย
Professional seller
เป็นผู้ขายที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม (39.99usd ต่อเดือน) ตั้งแต่วันแรกที่สมัคร เปรียบไปก็เหมือนร้านค้าที่เซ้งแผงในตลาด ทำเลดี ขายประจำ ลูกค้าจำได้ มากี่ทีก็อยู่ที่เดิมนี่แหล่ะ
ย้อนกลับไปตอนที่ผมเพิ่งเริ่มขายของบน Amazon ยังได้สิทธิขายฟรี 30 วัน แต่ปัจจุบันเจ้าของตลาดเปลี่ยนใจ !!!
**คิดค่าแผงตั้งแต่วันแรกครับ นี่เป็นจุดแรกที่มีการเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมอีกจุดก็คือ สิ่งที่ต้องใช้ประกอบการสมัคร
เมื่อ 2-3 ปีก่อน
การสมัครขายของบน Amazon คุณต้องการแค่ บัญชีเงินฝากสำหรับรับเงิน และ บัตรเครดิตสำหรับจ่ายค่าธรรมเนียม แต่ปัจจุบันมีเอกสารเพิ่มเติมอีก 2-3 อย่างที่ผู้สมัครจำเป็นต้องมี…
สมัคร Amazon กับเอกสารที่ขอเพิ่ม
ทุกวันนี้มีมีผู้สมัครขายของใน Amazon เป็นจำนวนมาก ทั้งมือใหม่และมือเก่า (ที่เคยโดนแบนไปแล้ว) ดังนั้นเอกสารที่ทาง Amazon ขอเพิ่มเติมก็เพื่อยืนยันตัวตนของผู้สมัครนั่นเอง
เอกสารที่ว่าก็คือ หลักฐานยืนยันตัวตนจากหน่วยงานรัฐ และหลักฐานยืนยันตัวตนในฝั่งเอกชน
สำหรับหลักฐานยืนยันตัวตนจากหน่วยงานรัฐ ก็ได้แก่ บัตรประชาชน, passsport เป็นต้น
หลักฐานยืนยันตัวตนในฝั่งเอกชน เช่น statement จากธนาคาร, บิลค่าสาธารนูปโภคต่างๆ
เลือกยื่นแค่ชนิดละ 1 อย่าง เช่น ยืนบัตรประชาชน คู่กับ statement จากธนาคาร อ่านรายละเอียดทั้งหมดจากเอกสารแนะนำของ Amazon :
ถ้าข้อมูลที่ยื่นไปนั้น เป็นภาษาอังกฤษ จะดีมาก แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ลองยื่นไทยไปก่อนครับ ในตัวอย่าง statement ที่ขอนั้นไม่จำเป็นต้องมียอดหลักสิบล้านนะ 555+
อย่างที่บอก Amazon ต้องการ make sure ว่าคุณมีตัวตนจริงแค่นั้น โดยขอดูจากข้อมูลที่ใช้สมัคร และหลักฐานที่ยื่นต้องตรงกัน
ถ้าเอกสารครบถ้วน ไฟล์ที่ส่งไปชัดเจน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบง่าย รอไม่นาน ก็จะสามารถเริ่มต้นขายของบน Amazon ได้ทันทีครับ 😉
หลังจากยืนยันเอกสารแล้ว คุณในฐานะผู้สมัครก็มีหน้าที่รอพิจารณา
โดยปกติก็จะไม่เกิน 24 ชั่วโมง
แต่ถ้าเอกสารที่ส่งไป ไม่ตรงตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอ หรือเกิดความผิดพลาดในการสื่อสาร ยาวนานเกิน 3 วัน ก็อาจจะลองเปิดเคสกับ Support เพื่อสอบถามความคืบหน้าครับ
บทความต่อไป เราจะมาดูกันต่อว่า หลังจากสมัครผ่านและเป็น Seller เต็มตัวแล้ว คุณจะเริ่มต้นขายสินค้าของคุณอย่างไรได้บ้างกัน
Leave a Reply