ผมกับเพื่อนเคยมีไอเดียร่วมกัน อยากจะเป็นเจ้าของโฮสเทลเล็กๆ แต่เราไม่อยากเริ่มต้นเองตั้งแต่ต้น การเซ้งกิจการมาทำต่อ จึงเป็นวิธีและแนวทางที่เราตั้งใจว่าให้เป็นบันไดก้าวแรก
เริ่มต้นจากการค้นหาตามเว็บประกาศ และโทรศัพท์เพื่อสอบถามเบื้องต้น
ใช้เวลาหาข้อมูลอยู่ประมาณสัปดาห์ มี 3-4 รายที่น่าสนใจ และอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่
ผมและเพื่อนตัดสินใจเดินทางมาคุยกับเจ้าของกิจการที่เชียงใหม่
เราตะเวนคุยกับเจ้าของกิจการเดิมอยู่หลายเจ้า
ได้รับรู้บางมุมของธุรกิจที่คิดไม่ถึง จากก้อนไอเดียฟุ่งๆ เริ่มเห็นภาพชัดขึ้น
การได้คุยกับเจ้าของเดิมทำให้เราได้เห็นทั้งข้อเสียบางอย่างของธุรกิจ และข้อดีอีกหลายอย่างที่คิดไม่ถึง
มีลิสที่ประกาศเจ้านึงที่ผมลังเล ไม่กล้าถามเพิ่มเติมกับผู้ลงประกาศ
เพราะคิดเอาเองว่า “สงสัยจะแพง”
จนวันสุดท้าย ที่เราตั้งใจจะเดินทางกลับ ผมก็โทรเข้าไปถาม…
น่าจะเป็นช่วงเวลาใกล้ๆ เที่ยง พี่เจ้าของออกไปกินข้าวกับเพื่อน
แกถามว่า รอได้มั้ยอีกประมาณสองชั่วโมงเดี๋ยวมา
วันนั้นผมเลือกที่จะไม่รอ และกลับกรุงเทพ
..
..
..
เวลาผ่านไปเกือบปี ผมตั้งใจจะมาพักผ่อน นอนอ่านนิยายที่เชียงใหม่
ผมเลือกหาที่พักใน AirBNB เหมือนเดิม
และด้วยความที่ผมเคยมีประสบการณ์ในการขายที่พักกับ AirBNB มาก่อน
ผมมักจะเลือกห้องพักจากความเร็วในการโต้ตอบจากเจ้าของที่พัก
ผมส่ง Request Booking ไป 5 ที่ โดยเลือกจากเรตราคา และรูปภาพหลัก
ไม่นานก็มีท่านนึงตอบรับกลับมา
ผมไล่ดูรายละเอียดห้องอีกครั้ง ก่อนที่จะ Confirm Booking
และสะดุดกับห้องและชื่อของโฮสเทลนี้
ใช่เลย !! มันคือตึกที่ผมเคยสนใจ แต่ไม่รอที่จะคุยรายละเอียดกับพี่เจ้าของเดิม
ผมส่งข้อความถามเจ้าของห้องพัก และก็ได้คำตอบว่าใช่จริงๆ
ที่สำคัญเจ้าของปัจจุบันที่เข้ามารับช่วงต่อไม่ใช่คนไทย
แต่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เห็นโอกาส และลงมือทำ
ห้องพักของ Xue มีคนเข้าพักไม่คาดสาย ด้วยบริการดีเยี่ยมแบบ Superhost
ประกอบกับทำเล, การตบแต่ง และราคาที่ไม่แพง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เห็นก่อนไม่สำคัญเท่า เห็นแล้วลงมือทำ
คำว่า “โอกาส” ในวันนั้น กลายเป็นคำว่า “เสียดาย” ในวันนี้
ทำได้แค่นอนตีพุง และบ่นเสียดาย