หนังสือแนวธุรกิจที่รอคอยการแปลไทยอย่างใจจดใจจ่อ รีบไปซอยทันทีที่วางแผง ขอบคุณสำนักพิมพ์ WeLearn ได้ใจไปเลย เพราะจากที่กัดฟันอ่านเวอร์ชั่นอังกฤษบน Kindle บอกเลยว่ามึนตึบ
คำโปรยจากปกหลัง :-
“The Lean Startup – สร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ต้องเริ่มตอนที่ไม่พร้อม”
คนจำนวนมากอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองและมองเห็นโอกาสที่ผ่านเข้ามา แต่สุดท้ายกลับไม่ลงมือทำด้วยเหตุผลว่า “ยังไม่พร้อม”
หารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้ว “ความไม่พร้อม” นั่นแหละที่เป็นข้อได้เปรียบ
เอริค รีส จะเปิดเผยวิธีใช้ประโยชน์จากความไม่พร้อม และเปลี่ยนมันให้เป็นจุดแข็งของคุณ โดยถ่ายทอดผ่านประสบการณ์ในการปลุกปั้นบริษัทของตัวเอง รวมถึงเรื่องราวของธุรกิจที่เริ่มต้นทั้งที่ยังไม่พร้อมแต่กลับเติบโตจนก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เช่น
- แค่เริ่มต้นจากการขายเสื้อยืดเพียงไซส์เดียวและสีเดียว เว็บไซต์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งก็เติบโตจนกลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ได้
- แค่เริ่มต้นจากการรับซักผ้าบนรถกระบะ ชายคนหนึ่งก็สามารถสร้างธุรกิจซักรีดยักษ์ใหญ่ของอินเดียขึ้นมาได้
- แค่ทำคลิปวิดีโอเพียงตัวเดียว บริษัทไร้ชื่อที่ไม่มีทั้งผลิตภัณฑ์และเงินทุนก็สามารถเติบโตจนขายกิจการด้วยมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์
ถ้าการรอให้พร้อมยังไม่ทำให้คุณมีธุรกิจเป็นของตัวเองสักที…
จะดีกว่าไหมถ้าคุณหันมาใช้ประโยชน์จาก “ความไม่พร้อม”
แล้วลงมือสร้างธุรกิจที่มั่นคงและทำกำไรตั้งแต่วันนี้เลย!
เหตุผลที่รอคอยการมาของหนังสือเล่มนี้ (แม้ว่าผมจะมีประสบการณ์เริ่มต้นธุรกิจในตอนที่ไม่พร้อมมาแล้ว) ก็เพราะ ผมอยากรู้หลักคิดและวิธีการวัดผลอย่างถูกต้อง
เราจะรู้ได้ยังไงว่าธุรกิจที่เรากำลังเริ่มก่อร่างสร้างขึ้นมาจะมีอนาคต ??
อะไรจะเป็นตัวชี้วัดให้เราได้อย่างถูกต้อง ??
เราจะเรียนรู้ความต้องการจริงๆ ของลูกค้าโดยใช้ต้นทุนที่คุ้มค่าที่สุดได้ยังไง ??
และ อะไรคือสิ่งที่เราควรเรียนรู้จากลูกค้า ??
ผมเคยโพสกรณีของพี่ท่านนึงที่ทดลองเปิดกิจการอู่รถของแกในปั๊มน้ำมัน ขณะที่แกยังทำงานประจำอยู่ด้วย
สุดท้ายแล้วแกจะตัดสินใจออกมาสานต่อธุรกิจของแกรึเปล่า ถ้าใช่อะไรคือ “ไฟเขียว” ในการเริ่มต้นธุรกิจของแกแบบจริงๆ จังๆ ??
เปรียบเทียบเคสของคุณพี่ท่านนี้กับทฤษฏีของ Lean Startup คร่าวๆ จะพบว่า
พี่ท่านนี้ตัดสินใจทดสอบสมมุติฐานด้วยการ “สร้างสินค้าที่พอใช้ได้” minimum viable product (MVP) ก็คือบริการซ่อมรถ และยืมใช้สถานที่ชั่วคราวในปั้มน้ำมัน
อาจจะโปรโมทบริการของแกด้วยการโพสในเว็บบอร์ดต่างๆ หรือโฆษณาเฟสบุ๊ค
กำหนดกลุ่มลูกค้าจากสมมุติฐาน เช่น อายุ, เพศ, ความสนใจ และกำหนดพื้นที่การโฆษณาให้จำกัดอยู่ไม่ไกลจากปั๊มน้ำมัน
สิ่งที่พี่ท่านนี้จะได้รับนอกเหนือจากรายได้แล้ว ยังรวมถึงข้อมูลตรงที่ได้จากลูกค้า
ที่สามารถเอาไปปรับปรุงบริการได้อย่างถูกต้องและตรงกับความต้องการจริงๆ อีกด้วย
การวัดผลที่ชัดเจนและเป็นวิทยาศาสตร์ จะช่วยตอบคำถามสำคัญให้กับผู้ที่คิดจะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับทุกคนที่มีคำถามและต้องการคำตอบเหล่านี้
Eric บอกว่าเราสามารถ (และควรจะ) ทดสอบสินค้าหรือบริการของเราตั้งแต่สินค้ายังไม่ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยซ้ำ O_o!!
เมื่อเร็วๆ นี้ผมทำการทดลองเล็กๆ แชร์ให้เพื่อนๆ ใน กลุ่ม Amazon commerce
โดยผมเริ่มต้นสร้างเฟสบุคแฟนเพจขึ้นมา 1 เพจ ใช้เวลา 1 วันกับกระบวนการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเพจ ระหว่างนั้นผมก็เริ่มต้นหาสินค้า เงื่อนไขของสินค้าที่เลือกมาทำการทดสอบ คือ
- ต้องเป็นสินค้าที่มีขายกันอยู่แล้ว และมีขายมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว
- ไม่ต้องสั่งผลิตและหาได้ง่าย
จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะพิสูจน์ว่า เราสามารถใช้เครื่องมืออย่าง โฆษณาใน facebook
กับงบประมาณเริ่มต้นที่จำกัด เริ่มต้นขายสินค้าและสร้างกลุ่มลูกค้าได้จริง
ผลที่ได้จากการใช้งบโฆษณาประมาณ 300 บาท กับระยะเวลา 2 วันครึ่ง ก็คือ
เราได้รายชื่อและอีเมล์ของลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าจริง
นี่คือตัวอย่างเล็กๆ ของการเอาทฤษฏี Lean Startup มาปรับกับใช้จริง
โดยทดสอบสมมุติฐานจากกลุ่มลูกค้าจริงๆ และได้ผลลัพธ์ที่เป็นวิทยาศาสตร์
เราโชคดีเกิดในยุคที่ How Tool มีต้นทุนที่ต่ำมากๆ
แต่มันจะไม่มีประโยชน์เลย ถ้า How to ของคุณไม่ชัดเจน