วันนี้ขอแชร์อดีตที่เพิ่งผ่านมา 2 ปีของตัวผมเอง เป็นเรื่องที่ผมมองย้อนกลับไปในวันที่เริ่มต้น ธุรกิจส่วนตัว
ใช้เทคโนโลยีออนไลน์เป็นตัวเชื่อมระหว่างลูกค้าและธุรกิจ
เทคโนโลยีที่คุณหรือใครก็สามารถนำมาใช้กับธุรกิจได้อย่างไม่มีค่าใช้จ่ายสักสตางค์เดียว
Table of Contents
ย้อนกลับไป 2 ปี ในช่วงฤดูร้อน ผมและเพื่อนอีกคนที่เต็มไปด้วยความฝัน แต่ไร้กำลังทรัพย์
เราทั้งคู่ตัดสินใจหันหลังให้กับงานประจำ อาจจะด้วยความบ้าพลังบวกกับความไร้เดียงสาในโลกธุรกิจและโลกของความเป็นจริง
เราใช้ตรรกะง่ายๆ สร้างเหตุผลสนับสนุนการกระทำให้กับตัวเราเอง
เพื่อหลีกหนีจากความกดดันในหน้าที่การงานและความรับผิดชอบในฐานะพนักงานบริษัท
เราทั้งคู่คิดกันง่ายๆ ว่าการรับเสื้อผ้าและสินค้าเล็กๆ น้อยๆ มาขาย น่าจะชดเชยรายได้จากการเป็นพนักงานเงินเดือนได้
แถมเรายังจะได้อิสระภาพกลับคืนมา ไม่ต้องโดนเจ้านายด่าหรือกดดันอีกด้วย โดยไม่ได้ศึกษาความเป็นไปได้ต่างๆ และไม่ได้รู้จักตลาดดีพอ
ลิเกเก็บโรง
3 เดือนกับความว่างเปล่าและหมดกำลัง (ทั้งกำลังกายและกำลังใจ)
ระหว่างที่นั่งเฝ้าแผงสินค้า ในตลาดนัดที่คนเดินดูสินค้ามากมาย เพื่อนผมได้พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา
“อาทิตย์หน้ากูจะไปสมัครงานแล้วว่ะ”
เหตุผลต่างๆ ก็ตามเข้ามา ซึ่งเราทั้งคู่เข้าใจดี
จากวันนั้นผมเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ อีกครั้ง
โดยมีเงื่อนไขคลาสสิคแค่ว่าต้องใช้เงินลงทุนน้อย เป็นประเด็นหลัก ระหว่างที่ไล่อ่านกระทู้ต่างๆ ในโลกอินเตอร์เน็ตเพื่อหวังว่าจะเจอโอกาสงามๆสักอันหนึ่ง
ผมก็เจอกับแอต (ads) หรือป้ายโฆษณาของกูเกิลในเว็บๆหนึ่ง
เนื้อความของโฆษณานั้นเกี่ยวกับการให้โอกาสในการสร้างโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่ตรงกลุ่มลูกค้าผ่านระบบของ google ที่เรียกว่า adword ฟรีๆ 3000 บาท
ตัวผมจะพอมีพื้นฐานเรื่องคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง แต่ adword กับผมก็ดูจะใหม่มากจริงๆ
ผมคลิกเพื่อเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ และเริ่มเปิดคลิป เพื่อเรียนรู้การใช้งาน google adword เบื้องต้น
เกือบหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ผมโทรศัพท์ไปหาเพื่อนคนเดิม ถามถึงงานที่มันไปสมัครในอาทิตย์ที่ผ่านมา
เล่าเรื่องราวที่ผมได้เรียนรู้ รวมถึงโอกาสที่ผมคิดว่า น่าสนใจนี้
“กูจะเริ่มงานอาทิตย์หน้า แม่งส่งไปดูงานระยอง”
เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเพื่อนผมในสัปดาห์หน้า และผมก็ย้ำกับมันว่า
“เดี๋ยวกูจะลองทำเว็บดู แต่เรื่องสินค้ากูไม่รู้เรื่องนะ เดี๋ยวกูใส่เบอร์มึงไปละกัน”
เพื่อนผมตอบรับอย่างไม่มีคำถาม และคงไม่มีความหวังอะไรด้วยเช่นกัน …
**ลืมบอกไป เนื่องจากเพื่อนผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรมชนิดหนึ่ง และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นความเชี่ยวชาญเดียวที่เพื่อนผมคนนี้พอจะมี
นี่เป็น “เป้าหมาย” ในการเริ่มต้นงานนี้ ผมไล่เรียงดูสิ่งที่จำเป็นสำหรับการก่อการครั้งนี้ (ดูอลังการมาก) เท่าที่คิดออกคือ
- เว็บไซด์ (จริงๆในช่วงแรกผมมีแค่เว็บเพจ หรือหน้าเว็บแค่หน้าเดียว ที่บอกรายละเอียดสินค้าที่เรา (อยากจะ) จำหน่าย และข้อมูลสำหรับติดต่อ ) ที่ผมเลือกใช้ก็คือของฟรีจาก blogger.com
- ความรู้เกี่ยวกับ google adword ซึ่งทุกคนก็สามารถเริ่มต้นเรียนรู้ได้จาก youtube.com นั้นเอง
เริ่มต้นธุรกิจ ลงสนามจริง
เริ่มต้นสัปดาห์ต่อมา ผมมีเว็บเพจที่พร้อมสำหรับการรองรับลูกค้า ที่จะมาจากระบบการโฆษณาของ adword
ในเช้าวันนั้นผมก็เริ่มเปิดบัญชี และใช้โปรโมชั่นกับ google adword แบบ pre-paid ทันที
หลังจากผ่านการยืนยันโปรโมชั่น ผมได้รับคำแนะนำเบื้องต้นในการใช้งานและการเลือก “คำค้นหา” หรือ keyword ต่อจากนั้นผมเริ่มต้นสร้าง “โฆษณาชิ้นแรก” ของบริษัททันที
ตลอดวันผมก็นั่งอ่านและดู วีธีการใช้งาน adword อย่างจริงๆ จังๆ ผ่านทั้ง youtube และเว็บบอร์ดต่างๆ …
และในเย็นวันนั้น เพื่อนผมก็โทรมา
“ไอ้ห่า มีโทรมาจริงๆ ว่ะ“
กลายเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของบริษัทเล็กๆ ในเวลาต่อมา
หลังจากวันนั้นจำนวนลูกค้าที่โทรเข้ามาสอบถามราคาและรายละเอียดของสินค้าก็มากขึ้น
ในสัปดาห์ที่สองของการทำงานบริษัทของเพื่อนผม เป็นสัปดาห์สุดท้ายกับบริษัทนั้นเช่นกัน
เมื่อเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ การดิ้นรนไหว้วาน และหยิบยืม ความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
ตั้งการการสั่งซื้อสินค้า และการออกเอกสารสำคัญทางการค้าต่าง
เมื่อมองย้อนกลับไป ผมอาจจะโชคดีมากๆ ที่มีลูกค้าตั้งแต่ในช่วงแรกที่เริ่มต้น และก็เพราะโชคดีอีกนั่นหล่ะที่ “สินค้า” ของผมและเพื่อน ไม่ได้อยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
หลังจากนั้นผมและเพื่อนก็เริ่มนำกำไรที่ได้ มาดำเนินการเรื่องการเปิดบริษัท
ซึ่งความตั้งใจของเราทั้งคู่ก็คือ เราอยากให้บริษัทของเราเป็นบริษัทที่เล็กและคล่องตัว
เราแบ่งหน้าที่กันดูแลสองส่วนหลักๆ นั่นก็คือ ผมดูแลเรื่องการตลาดและเว็บไซด์
ส่วนการขายและจัดส่งสินค้าเป็นหน้าที่ของเพื่อน
นอกเหนือจากนั้นงานบัญชี เราเลือกใช้บริการพนักงานบัญชีอิสระ เป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน
ด้วยระยะเวลาเพียง 2 ปีกับสิ่งที่เรียกว่า ธุรกิจ
นับเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก ยังมีเรื่องราว และปัญหาอีกมากที่รอให้เราต้องเรียนรู้
นอกเหนือจากวิธีการและประสบการณ์ในการเริ่มต้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่อยากฝากคือ เรื่องของวิธีคิด
บางทีความรู้ต่างๆ ที่ผ่านหูผ่านตาจากรายการทีวีหรือหนังสือขายดีบางเล่ม อาจจะมีส่วนในการตีกรอบความคิดของเรา สร้างเส้นบางๆ ที่ทำให้เราไม่กล้าที่จะเริ่มต้น
ในทางกลับกัน การเดินหน้าเริ่มต้นและรับมือกับปัญหาอย่ามีสติ (ไม่ใช่ลูกบ้าล้วนๆ) กลับทำให้เราได้เรียนรู้อะไรอีกมากมายหลายสิ่ง ที่ไม่มีหนังสือหรือกูรูคนไหนเคยบอกมาก่อน
ปัจจุบันแนวโน้มการกำเนิดเกิดขึ้นของบริษัทขนาดเล็ก หรือผู้ประกอบการรายย่อยนับวันจะยิ่งมากขึ้นๆ
ในกรณีที่เกิดขึ้นกับผมและเพื่อนไม่ใช่เรื่องแปลกหรือใหม่ แต่เป็นเรื่องที่ทุกๆคนก็สามารถเริ่มต้น และทำได้
อยากทําธุรกิจส่วนตัวแต่ไม่รู้จะทําอะไร ?
คำตอบที่สั้นที่สุด คือ เริ่มจากสิ่งที่คุณมีทุนเดิมอยู่แล้ว
จะเป็นต้นทุนที่จับต้องได้ อย่างเช่น เงิน หรือต้นทุนที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความถนัด, ความสนใจ ไปจนถึงต้นทุนด้านเวลา
ผมเห็นตัวอย่างคนไทย และต่างชาติที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยการ trade เวลาของตัวเอง (บวกกับความสามารถบางอย่าง) ในช่วงเริ่มต้น
ในวันที่เทคโนโลยีต่างๆ ปรับตัว ต้นทุนในการเริ่มต้นทำธุรกิจต่ำมาก เมื่อเทียบกับยุคสมัยที่ผ่านมา ขอแค่ไอเดียและเริ่มต้นลงมือทำครับ เพิ่มเติม :
- https://www.youtube.com/user/GoogleBusiness – แหล่งเรียนเพื่อเจ้าของธุรกิจและธุรกิจขนาดย่อม
- http://docs.google.com/ – ชุดเครื่องมือดีๆ และฟรีๆ จากกูเกิล
- http://www.blogger.com/ – สร้างเว็บไซด์หรือเว็บเพจฟรี
ร่วมแชร์ประสบการณ์ในการเริ่มต้นธุรกิจของเพื่อนๆ ในพื้นที่ด้านล่างนี้เลยครับ ทุกความเห็นจะมีประโยชน์มากๆ ครับ 😉
Leave a Reply